
โรคในแพะ อาการ และการป้องกัน

Table of Contents
เชื้อโรคที่ทำให้เกิดโรคมีทั้งเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย การเกิดโรคต่าง ๆ นับเป็นเรื่องปกติในแพะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากแพะเกิดความเครียด ต้องเจอกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดหรือฝนตกหนัก รวมถึงการมีประชากรแพะมากเกินไป แพะจึงมีแนวโน้มที่จะเกิดโรคได้ง่าย
บางโรคที่เกิดขึ้นในแพะ มักทำให้แพะมีไข้, ซึมเศร้า, เดินเป็นวงกลม และเบื่ออาหาร ในขณะที่บางโรคก็ไม่แสดงอาการแต่สามารถเป็นพาหะได้ อาทิ โรคข้ออักเสบและสมองอักเสบ เป็นต้น
ทั้งนี้ คุณสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาการระบาดของเชื้อโรคในฝูงได้ด้วยการทำการทดสอบแพะก่อนด้วยการ หากพบว่าผลเป็นลบ จึงค่อยนำเข้าฝูงได้
โรคในแพะที่เราจะพูดถึงในบทความนี้ เป็นโรคที่เกิดได้ทั้งจากเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย และเป็นโรคที่พบได้บ่อย จะมีโรคอะไรบ้าง ติดตามได้จากด้านล่างนี้
โรคข้ออักเสบและสมองอักเสบ (CAEV)
โรคข้ออักเสบและสมองอักเสบ หรือ Caprine Arthritis Encephalitis Virus (CAEV) ไวรัสชนิดนี้นับเป็นหนึ่งในสมาชิกตระกูลเดียวกันกับ HIV มันได้รับการตั้งชื่อตามรูปแบบที่พบได้บ่อยที่สุดสองรูปแบบ ได้แก่ โรคข้ออักเสบที่มาในรูปของเข่าบวม และโรคไข้สมองอักเสบซึ่งจะแสดงผลเกี่ยวกับปัญหาทางระบบประสาท
นอกจากนี้ CAEV ยังทำให้เกิดโรคเต้านมอักเสบเรื้อรัง, โรคปอดบวม และทำให้แพะน้ำหนักลดได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วแพะจะไม่ค่อยแสดงอาการใด ๆ เลย แต่ยังคงเป็นพาหะอยู่
นักวิจัยก็ยังไม่สามารถทราบได้แน่ชัดว่า CAEV นั้นติดต่อกันได้อย่างไร แต่โดยทั่วไปแล้วจะสามารถแพร่กระจายได้จากของเหลวในร่างกายของแพะ อาทิ นมน้ำเหลือง, นม และเลือด แพะที่อาศัยอยู่ร่วมกันก็สามารถได้รับเชื้อนี้ได้เช่นกัน ในบางกรณีก็เชื่อกันว่า CAEV สามารถแพร่ได้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ โรคนี้ยังไม่มียาตัวใดที่รักษาให้หายได้
การป้องกัน
เพื่อเป็นการป้องกันการระบาดของโรค CAEV หลังจากที่คุณได้รับแพะใหม่มา คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจจากเจ้าของฟาร์มที่คุณซื้อมาว่าแพะตัวใหม่นี้ รวมถึงพ่อหรือแม่ของมันมีผลการทดสอบโรคที่เป็นลบ จากนั้นคุณต้องหมั่นตรวจสอบแพะใหม่นี้ต่อไปอีกหนึ่งปี
ถ้าหากพวกมันเคยออกจากฟาร์มของคุณ หรือมีแพะ-แกะใหม่เข้ามาในฟาร์ม คุณก็ต้องทำการทดสอบการติดเชื้อไปเรื่อย ๆ ทุกปี การผสมพันธุ์แพะควรเป็นสายเลือดที่ผลเป็นลบด้วยกันเท่านั้น
หากคุณมีแพะที่ติดเชื้อ CAEV คุณควรแยกพวกมันออกจากแพะที่มีผลเป็นลบ ถ้าเป็นไปได้อย่าผสมพันธุ์แพะที่ติดเชื้อกับแพะตัวผู้ที่ไม่ติดเชื้อ (แพะตัวผู้ที่มีผลเป็นลบจะได้รับเชื้อจากแพะตัวเมียที่มีผลบวกนั้นค่อนข้างยาก แต่ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี)
หากคุณมีลูกแพะเพศเมียที่มีผล CAEV เป็นบวก ให้ปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้:
แยกคอกทันที
ทันทีที่ลูกแพะเกิดให้แยกเก็บในคอกแพะต่างหาก และรวมถึงไม่ควรให้อยู่กับแม่ด้วย
ทำความสะอาด
อาบน้ำลูกแพะด้วยน้ำสบู่อ่อน ๆ ล้างออก เช็ดให้หมาด ๆ และเป่าให้แห้งด้วยเครื่องเป่าลม ระวังอย่าให้ลูกแพะหนาว
อยู่ในคอกที่ไม่มีแพะติดเชื้อ
แยกลูกให้อยู่ในคอกที่ไม่มีแพะติดเชื้อ คุณสามารถให้ลูกแพะตัวอื่น ๆ อยู่ในคอกเดียวกันได้ ตราบใดที่ไม่มีแพะติดเชื้ออยู่ด้วย
ให้อาหารให้เร็วที่สุด
คุณควรให้อาหารลูกแพะภายในครึ่งชั่วโมงหรือเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากคุณมีนมน้ำเหลือง (Colostrum milk) ที่ผ่านความร้อนแล้วที่ไม่ว่าจะมาจากแพะตัวเมียตัวอื่นที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าผล CAEV เป็นลบ รวมถึงนมน้ำเหลืองของวัวที่มีผลเป็นลบจากโรคโจนส์ (Johne’s disease) คุณสามารถนำมาให้ลูกแพะได้ประมาณ 30 – 60 มิลลิลิตร ในอุณหภูมิประมาณ 40℃ โดยป้อนจากขวด หรือหากคุณไม่มีนมน้ำเหลืองที่ปลอดภัยจริง ๆ ให้รีดนมจากแม่แพะ นำมาผ่านความร้อน และนำไปป้อนลูกแพะให้เร็วที่สุด
การให้ความร้อนกับนมน้ำเหลือง (Colostrum milk) ควรใช้วิธีนึ่งโดยให้ความร้อนอยู่ระหว่าง 57 – 60℃ และคงความร้อนนี้ไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าอุณหภูมิจะไม่สูงเกิน 60℃ ไม่อย่างนั้นจะทำให้นมน้ำเหลืองมีความข้นเกินไป หลังจากได้นมน้ำเหลืองในอุณหภูมิดังกล่าวนี้แล้ว ให้เทลงในกระติกหรือภาชนะเก็บความร้อน นำไปแช่ในอ่างน้ำพร้อมติดตามอุณหภูมิเป็นระยะ
หลังการให้อาหารกับลูกแพะที่เป็นนมแพะหรือนมวัวพาสเจอร์ไรส์ นมสำหรับเด็กหรือนมที่ทดแทนนมแกะ หรือนมจากแพะตัวเมียที่ผ่านการทดสอบแล้วว่าไม่มีเชื่อ CAEV แล้ว แต่ให้ตระหนักไว้ว่าลูกแพะอาจเสี่ยงต่อโรคโจนส์ (Johne’s disease) เนื่องจากการดื่มนมวัวพาสเจอร์ไรส์ได้เช่นกัน
ทดสอบหาเชื้อ CAEV
เมื่อลูกแพะอายุได้ 6 เดือน ให้ทำการทดสอบว่ามีแพะตัวใดที่ได้รับเชื้อ CAEV หรือไม่ หากพบว่ามีแพะที่ติดเชื้อ ให้แยกคอกทันที
ฝีติดเชื้อ

ฝีที่เกิดจากการติดเชื้อมักเกิดจากสิ่งแปลกปลอม เช่น เสี้ยนหรือหนาม ซึ่งเข้าไปอยู่ใต้ผิวหนังของแพะและเกิดการติดเชื้อ การฉีดยาอาจทำให้เกิดฝีได้เช่นกัน บางครั้งคุณเห็นก้อนเนื้อที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น หรือคุณอาจสังเกตเห็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ในทันที
แบคทีเรีย เช่น Staph และ Strep จะอาศัยอยู่ในฝีในขณะที่ร่างกายสร้างการป้องกัน หากไม่ได้รับการรักษา ฝีอาจหายไปได้เองหรืออาจมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยผนังด้านนอกจะอ่อนตัวลงจนแตกออกและมีหนองที่มีกลิ่นเหม็นออกมา บ่อยครั้งที่แพะจะเป็นฝีบริเวณที่มีขน
การรักษา
การรักษาฝีแพะสามารถทำได้ดังนี้
- สวมถุง เพื่อป้องกันการปนเปื้อนเสมอ
- ประคบร้อน เพื่อเร่งให้ฝีสุก
- เมื่อผนังด้านนอกดูบางลงแล้ว ให้ใช้มีดคมกรีดที่ผิวหนัง จะทำให้เอาฝีออกง่ายขึ้น
- ใช้กระดาษซับหนองและเผากระดาษทิ้ง
- เมื่อเสร็จแล้วให้ประคบร้อนที่แผลหลายครั้งต่อวัน เพื่อช่วยในการรักษา
- สามารถใช้ยาปฏิชีวนะทาบริเวณที่ผ่าตัดนั้นก็ได้เช่นกัน
ฝีที่ติดเชื้อจะไม่เสี่ยงต่อฝีในฝูงมากนักหากฝีแตก แม้ว่าพวกมันสามารถแพร่กระจายแบคทีเรียได้ก็ตาม ในทางกลับกัน ประเภทของฝีในส่วนที่เรากำลังจะกล่าวถึงอาจทำให้แพะตัวอื่นตกอยู่ในความเสี่ยงได้
โรควัณโรคเทียม

โรควัณโรคเทียม หรือ Caseous lymphadenitis (CLA) เป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่เกิดจากแบคทีเรีย
โรค Cornybacterium pseudotuberculosis แบคทีเรียเหล่านี้ติดเชื้อที่ต่อมน้ำเหลืองและทำให้เกิดฝีทั้งภายในและภายนอกร่างกาย เมื่อฝีภายนอกที่เกิดจากแบคทีเรียแตกออก CLA สามารถแพร่กระจายไปในฝูงได้ นอกจากนี้ ยังสามารถแพร่กระจายโดยของเหลวในร่างกายและเมื่อแพะที่ติดเชื้อไอ แบคทีเรียสามารถอาศัยอยู่ในดิน บนกำแพงโรงนาที่เก็บอุปกรณ์ และบนวัตถุอื่น ๆ ได้นานหลายปี แม้ว่าจะไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่การได้รับวัคซีนก็เป็นมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิผล คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับวัคซีน CLA และการฉีดวัคซีนที่สำคัญอื่น ๆ ในคู่มือการฉีดวัคซีนของเราได้
การป้องกัน
หากคุณพบฝีที่มีลักษณะสีเขียวหนา ให้สันนิษฐานว่าเป็น CLA จากนั้นแยกแพะออก และติดต่อสัตวแพทย์ เพื่อตรวจสอบต่อไป สัตวแพทย์สามารถดูดสิ่งที่อยู่ในฝีและนำไปทดสอบในห้องปฏิบัติการได้
คุณสามารถหลีกเลี่ยง CLA ในฝูงได้โดยการถามจากคนที่คุณซื้อแพะว่าพวกมันได้รับการฉีดวัคซีนหรือเคยเลี้ยงแพะที่ติดเชื้อไว้ในฝูงหรือไม่ และโดยเฉพาะในแพะที่คุณกำลังซื้อหรือพ่อแม่ของมัน หากคุณพบว่าคุณมี CLA ในฝูง ให้แยกหรือเอาแพะตัวนั้นออกจากฝูงเพราะอาจเสี่ยงต่อแพะตัวอื่น
โรคกลืนสิ่งแปลกปลอม

โรคกลืนสิ่งแปลกปลอม หรือ (Hardware disease) เป็นภาวะที่คุกคามถึงชีวิต เกิดขึ้นเมื่อสัตว์เคี้ยวเอื้องกลืนโลหะ เช่น ตะปูหรือลวด ซึ่งมักจะอยู่ในอาหารของมัน โลหะจะเจาะกระเพาะเรติคิวลัม เมื่อกระเพาะรูเมนหดตัว
โรคกลืนสิ่งแปลกปลอมนี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในระหว่างที่แพะท้อง เนื่องจากมดลูกที่กำลังเติบโตจะกดดันส่วนนั้นของร่างกาย กระเพาะเรติติวลัมจะติดเชื้อและอาจนำไปสู่ภาวะเยื่อบุช่องท้องอักเสบได้
อาการของโรคกลืนสิ่งแปลกปลอม ได้แก่ มีไข้ เบื่ออาหาร อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น และซึมเศร้า
สัญญาณความรุนแรงที่พบบ่อยที่สุดของโรคกลืนสิ่งแปลกปลอม ได้แก่ หายใจลำบาก ยืดศีรษะและคอ การยืนหรือเดินโดยงอหลังและกางข้อศอกออก
แพะส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเป็นโรคนี้ แต่ถ้าเกิดขึ้น แพะอาจต้องได้รับการผ่าตัดเพื่อเอาวัตถุออก แม้ว่าการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะจะสามารถแก้ไขได้ก็ตาม
การป้องกัน
การป้องกันไม่ให้แพะเกิดโรคกลืนสิ่งแปลกปลอม สามารถทำได้ ดังนี้:
- ใช้หญ้าแห้งแบบมีเชือกแทนลวด
- กั้นพื้นที่ไม่ให้แพะเข้าไปในพื้นที่ก่อสร้าง
- นำวัตถุที่เป็นโลหะออก หากพิจารณาแล้วว่าแพะจะเข้าถึงได้ง่าย
- พยายามอย่าให้สิ่งของที่ไม่ใช่อาหารอยู่ใกล้ปากแพะ
โรคโจนส์

โรคโจนส์ หรือ Johne’s Disease คือการติดเชื้อของระบบทางเดินอาหารที่เกิดจากเชื้อ Mycobacterium paratuberculosis ซึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับวัณโรคและโรคเรื้อน โรคจอห์นเป็นโรคเรื้อรังและนำไปสู่การเสียชีวิตได้ในที่สุด แพะที่เป็นโรค Johne’s อาจไม่แสดงอาการมานานหลายปี แต่ยังสามารถแพร่โรคไปยังเพื่อนร่วมฝูงได้
สัญญาณของโรค ได้แก่ ขนไม่สวย ท้องร่วง และไม่ค่อยอยากกินอาหาร คุณสามารถยืนยันได้ว่าแพะมีเชื้อ Johne โดยการตรวจเลือดหรืออุจจาระ
แพะสามารถติดโรคนี้ได้จากแกะหรือวัว หรือแม้แต่จากการดื่มนมวัวที่ปนเปื้อน แต่ก็สามารถแพร่เชื้อผ่านการสัมผัสทางปากและอุจจาระได้เช่นกัน แพะที่ติดเชื้อตัวหนึ่งในฝูงสามารถแพร่กระจายไปยังตัวอื่น ๆ ทั้งหมดได้ในที่สุด และจะปนเปื้อนในพื้นที่ที่พวกมันอาศัยอยู่ แบคทีเรียค่อนข้างทนทานและสามารถอยู่รอดได้ในดินเป็นเวลาหลายเดือน
การป้องกัน
เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของแพะที่เป็นโรคโจนส์ในฝูงของคุณ ให้คัดแยกแพะที่เป็นบวกหรือแยกพวกมันออกและอย่าผสมพันธุ์พวกมัน ติดต่อสัตวแพทย์ของคุณเพื่อพัฒนาโปรแกรมสุขภาพฝูงสัตว์
หากคุณมีแพะที่ไม่มีปัญหาปรสิตตายเพียงลำพัง ลองทดสอบฝูงของคุณเพื่อหาแพะที่เป็นโรคนี้ หากคุณเพิ่งเลี้ยงแพะ ให้ถามว่าพวกมันได้รับการตรวจโรคจอห์นหรือไม่ และฝูงก่อนหน้านั้นมีการตายผิดปกติหรือไม่ วิธีเดียวที่จะยืนยันได้ว่าแพะไม่มีโรคคือการทดสอบเพื่อหาผลลบในแพะของคุณ
โรคนี้ยังไม่มีฉีดวัคซีนหรือการรักษา ขณะที่ยาปฏิชีวนะสามารถลดอาการได้เพียงช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
โรคลิสเทอริโอซิส

โรคลิสเทอริโอซิส (Listeriosis) คือ การติดเชื้อแบคทีเรียที่แพะสามารถได้รับจากตะกอน ดิน และอุจจาระของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่น ๆ ที่ปนเปื้อน แพะบางตัวเป็นพาหะและไม่แสดงอาการของโรคเลย
อาการ
อาการของแพะที่เป็นโรคลิสเทอริโอซิส สามารถสังเกตได้ ดังนี้:
- เบื่ออาหาร
- สับสน
- ซึมเศร้า
- เดินเป็นวงกลม
- หน้าเป็นอัมพาต
- น้ำลายไหล
แพะที่โตเต็มวัยมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคนี้ได้มากกว่าแพะเด็ก และคนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดว่าเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบประสาท
การรักษา
แพะที่เป็นโรคลิสเทอริโอซิสมีแนวโน้มที่จะรอดชีวิตได้หากคุณรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ และให้รักษาอย่างจริงจังด้วยสเตียรอยด์และโปรเคนเพนิซิลลินในปริมาณสูงทุก ๆ 6 ชั่วโมง
หากแพะของคุณมีอาการดังที่กล่าวไปข้างต้น ให้ติดต่อสัตวแพทย์ทันทีเพื่อเริ่มการรักษาทันที เช่นเดียวกับความเจ็บป่วยอื่น ๆ คุณต้องแน่ใจว่าแพะกินอาหารและดื่มน้ำอย่างเพียงพอ
โรคลิสเทริโอซิสติดต่อได้ในมนุษย์และสามารถแพร่เชื้อทางนมได้ ดังนั้นอย่าดื่มนมจากแพะที่เป็นโรคนี้ภายในเดือนที่ผ่านมา แม้แต่การพาสเจอร์ไรซ์ก็ไม่สามารถฆ่าเชื้อลิสทีโอซิสได้
โรคปากเปื่อย

โรคปากเปื่อย (Soremouth) หรือที่รู้จักกันในชื่อ orf เป็นโรคผิวหนังติดต่อที่ส่งผลต่อแพะ แกะ และมนุษย์ ลูกแพะที่ยังมีระบบภูมิคุ้มกันที่กำลังพัฒนาจึงง่ายต่อการได้รับเชื้อ และหากมีอาการเจ็บปากก็สามารถแพร่เชื้อไปยังเต้านมของแม่แพะได้
แพะที่มีอาการเจ็บปากมักมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงและไม่สามารถแพร่เชื้อซ้ำได้อีกเป็นเวลาหนึ่งปีหรือนานกว่านั้น สัตว์ส่วนใหญ่ฟื้นตัวได้ง่ายเมื่อโรคดำเนินไป แต่สัตว์เหล่านั้นมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อขั้นทุติยภูมิหรือแมลงวันรบกวนที่อาจทำให้โรคซ้ำซ้อนได้
โรคปากเปื่อยมีวัคซีนประสิทธิภาพที่ใช้ในการรักษา ซึ่งคุณสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
อาการ
โรคปากเปื่อยจะมีอาการและลักษณะของโรค ดังนี้:
- มีแผลพุพองรอบ ๆ ปาก
- แผลจะส่งผลต่อจมูก เต้านม ตา คอ หาง หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกายที่มีบาดแผลหรือรอยขีดข่วน
- บางกรณีอาจส่งผลต่อกระเพาะรูเมนและปอดได้ด้วย
- หลังจากระยะตุ่มพอง รอยโรคจะกลายเป็นตุ่มหนองและตกสะเก็ดเมื่อแตก
- สะเก็ดเหล่านี้มีไวรัสอยู่ซึ่งสามารถมีชีวิตอยู่ได้นานหลายปีและติดต่อได้
การรักษา
หากแพะของคุณมีอาการเจ็บคอ คาดว่าจะมีอาการตั้งแต่ 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือน สิ่งเดียวที่คุณต้องทำเพื่อการรักษาโรคปากเปื่อย มีดังนี้
- รักษาบริเวณนั้นให้สะอาด
- พยายามกำจัดแมลงวันและแมลงอื่น ๆ ออกไปจากพวกมัน
- หากแพะมีการติดเชื้อแบคทีเรียทุติยภูมิ ให้ติดต่อสัตวแพทย์เกี่ยวกับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะเตตราไซคลิน, ให้ยาถ่ายพยาธิในระบบทางเดินอาหาร, ทาแผลด้วยเขนเชี่ยนไวโอเลตต่อเนื่องทุกวัน เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- ในกรณีที่แพะมีแผลที่ปาก คุณต้องแน่ใจว่าเขาสามารถกินในปากหรือลำคอของมันได้
คุณสามารถกักกันสัตว์ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคได้ แต่ในกรณีที่ไม่รุนแรง เราแนะนำให้ปล่อยแพะตัวอื่นออก เพื่อให้พวกมันมีภูมิคุ้มกัน เช่นเดียวกับโรคอื่น ๆ การป้องกันเป็นนโยบายที่ดีที่สุด ดังนั้นควรถามผู้ขายว่ามีแพะในฝูงที่มีอาการเจ็บปากหรือไม่ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ ปรึกษาสัตวแพทย์เกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ให้กับแพะ
บาดแผลต่าง ๆ
แพะมักจะได้รับบาดแผลเล็กน้อยบนใบหน้าและเต้านม แพะที่มีเขา (Horn) มีแนวโน้มที่จะให้หรือได้รับบาดแผลสาหัสมากกว่า และส่วนมากจะเป็นแพะเพศผู้ เพราะพวกเขามักจะทะเลาะกันเอง
เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ให้ทำความสะอาดแผลเล็ก ๆ ด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ และใช้สเปรย์ฆ่าเชื้อ เช่น Betadine หรือส่วนผสมไอโอดีน 7% ตรวจสอบแผลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าการรักษาหายและทำการรักษาซ้ำหากจำเป็น นอกจากนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าแพะได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักแล้ว
ติดต่อสัตวแพทย์ทันทีหากแพะของคุณมีบาดแผลใหญ่หรือกระดูกหัก
โรคผัวหนังจากเชื้อรา

โรคผิวหนังจากเชื้อรา (Ringworm) เป็นเชื้อราที่ทำให้ขนแพะร่วงเป็นปื้นเป็นวงกลม
ลักษณะเช่นนี้มักเกิดบนหัวหรือคอของแพะ ติดต่อได้กับแพะตัวอื่นและมนุษย์ และบางครั้งก็แพร่เชื้อโดยแมวที่ไม่มีอาการ มักเกิดขึ้นในช่วงที่อากาศเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่แพะใช้เวลาอยู่ในร่มมากขึ้น
แสงแดดมักจะช่วยแก้กลากได้ แต่ถ้าคุณต้องการรักษา ให้ใช้ถุงมือและล้างบริเวณที่ได้รับผลกระทบด้วยน้ำสบู่อุ่น ๆ แล้วล้างออกอย่างระมัดระวัง ทาครีมต้านเชื้อรา เช่น โคลไตรมาโซล ในกรณีที่รุนแรง ให้แยกแพะออกจนกว่าขี้กลากจะหายไปเพื่อไม่ให้แพร่กระจายไปทั่วฝูง
โรคกีบเท้าเน่า

โรคกีบเท้าเน่าคือ การติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นเมื่อแพะใช้เวลาส่วนใหญ่ในบริเวณที่เปียกและเป็นโคลนและไม่ได้รับการตัดแต่งกีบเท้า มักเป็นหนึ่งในโรคแพะหน้าฝน ทำให้เกิดอาการขาเจ็บ เท้ามีกลิ่นเหม็น และบริเวณกีบเท้าที่มีสีดำ
คุณสามารถป้องกันไม่ให้เท้าเน่าได้โดยการตัดแต่งกีบแพะให้เรียบร้อยและจัดพื้นที่แห้งให้พวกมันอยู่อาศัย ถ้าแพะเกิดอาการเท้าเน่า ให้ย้ายมันไปยังบริเวณที่แห้ง แล้วค่อย ๆ เล็มกีบที่รกออก รักษาแพะด้วยยาปฏิชีวนะได้จนกว่ามันจะหายและกลับมาเป็นปกติ
โรคแท้งติดต่อ
โรคแท้งติดต่อ หรือ โรคบรูเซลโลซิส Brucellosis (Brucella melitensis) เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีชื่อว่า บรูเซลล่า (Brucella spp.) เป็นโรคติดต่อเรื้อรังที่มักระบาดในสัตว์ที่เลี้ยงลูกด้วยนม ได้แก่ โค กระบือ แพะ ม้า และสุกร เป็นต้น ซึ่งสามารถติดต่อมาสู่คนได้
สารคัดหลั่งที่แม่แพะคลอดลูกออกมา จะทำให้บริเวณนั้นปนเปื้อน ทำให้เกิดการแพร่กระจายไปสู่ฝูงได้ รวมถึงการนำเอาพ่อพันธุ์เข้าไปในบริเวณนั้นก็สามารถทำให้เชื้อแพร่กระจายได้เช่นกัน ซึ่งอาการที่พบได้ในตัวผู้ที่ติดเชื้อคือ อัณฑะอักเสบ
อาการของโรคแท้งติดต่อในแพะ คือ แพะที่ตั้งท้องจะแท้งลูก (แต่มักไม่พบการแท้งลูกซ้ำในระยะหลัง) แต่ในรายที่มีเชื้อน้อยอาจไม่พบการแท้งลูก แต่เต้านมจะอักเสบ ปริมาณน้ำนมลด ขณะนี้ยังไม่พบวัคซีนที่ป้องกันโรคนี้ในประเทศไทย
โรคปอดบวม

ในช่วงฤดูฝนปี 2024 หลังจากฝนตกต่อเนื่องหลายวัน แพะภูเขาของเราเป็นหวัดและแสดงอาการทั่วไปของโรคปอดบวม สุดท้ายเขาเสียชีวิตหลังจากหนึ่งสัปดาห์
โรคปอดบวม (Pneumonia) คือ การอักเสบของปอดที่เกิดจากปรสิต CAEV, CLA สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงกะทันหัน, ไวรัส, โภชนาการที่ไม่ดี, ความเครียดในการขนส่ง หรือการระบายอากาศที่ไม่ดี แพะที่มีสุขภาพดีปกติจะมีแบคทีเรียอยู่ในปอดแต่มีแอนติบอดี้คอยปกป้องพวกมัน แพะแรกเกิดอาจเสี่ยงต่อโรคปอดบวมได้เนื่องจากยังคงมีภูมิคุ้มกันพัฒนาอยู่ แต่นมน้ำเหลืองจะให้แอนติบอดีบางชนิดได้
อาการ
อาการของโรคปอดบวมในแพะ แบ่งออกได้เป็น 2 ช่วง ได้แก่ ในลูกแพะ และแพะที่โตเต็มวัย มีรายละเอียด ดังนี้:
ลูกแพะ
อาการที่พบได้บ่อยในลูกแพะ มีดังนี้:
- อาการไอ
- ง่วงนอน
- มีไข้ปานกลาง
- หายใจเร็ว
- ปฏิเสธการรักษา
- น้ำมูกไหล
- น้ำหนักลด
หากคุณไม่สังเกตเห็นโรคปอดบวมทันที ปอดของลูกแพะอาจเสียหายได้ แม้แต่ลูกแพะที่หายจากอาการปอดบวมแล้วก็อาจมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคปอดบวมมากขึ้น มีอาการไอเรื้อรัง หรือเจริญเติบโตได้ไม่ดี
แพะที่โตเต็มวัย
แพะโตเต็มวัยมีอาการของโรคปอดบวม ดังนี้:
- อุณหภูมิแพะจะอยู่ที่ 40 – 42℃
- ไอมีเสมหะ
- หายใจลำบาก
- มีของเหลวไหลออกจากจมูกและตา
- เบื่ออาหาร
- มีอาการซึมเศร้า (เซื่องซึม, โดดเดี่ยวจากฝูง และเฉยเมยต่อสิ่งรอบข้าง)
หากคุณมีแพะที่มีอาการปอดบวม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้รับน้ำเพียงพอ เช่นเดียวกับมนุษย์ ประโยคที่ว่า “ดื่มน้ำและพักผ่อนให้เพียงพอ” ถือเป็นคำแนะนำที่ดี คุณอาจต้องให้อาหารทางสายยางแก่ลูกแพะ หรือให้สัตวแพทย์ฉีดยาทางหลอดเลือดดำให้กับแพะที่โตเต็มวัย
การป้องกัน
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อป้องกันโรคปอดบวมคือ
- จัดให้มีสภาพแวดล้อมที่สะอาด ไม่พลุกพล่าน
- มีอากาศถ่ายเทสะดวก
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกมันไม่ได้เครียด
- เฝ้าระวังปัญหาอื่น ๆ (เช่น ไวรัสหรือพยาธิปอด) ที่อาจทำให้ปอดเสียหายได้
โรคพยาธิในแพะ
โรคพยาธิในแพะเป็นปัญหาที่พบบ่อยในแพะ เกิดจากปรสิตทั้งภายนอกและภายใน การจัดการและป้องกันปรสิตเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาสุขภาพฝูงสัตว์ อาการบางอย่างของไวรัสและแบคทีเรียอาจซ้อนทับกับปรสิตได้
ดังนั้น เราจึงได้เขียนภาพรวมโดยละเอียดเกี่ยวกับอาการ การรักษา และการป้องกันการติดเชื้อปรสิต โปรดดูคำแนะนำที่ครอบคลุมเกี่ยวกับโรคพยาธิในแพะ
บทสรุป
เชื้อไวรัสและเชื้อแบคทีเรียเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ในแพะ บางโรคแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน อย่างโรคปากเปื่อย แพะจะมีแผลพุพองในปาก โรคกีบเน่าคุณสังเกตได้ว่าแพะมีอาการเจ็บเท้าและเท้าเหม็น หรือโรคปอดบวม แพะจะมีอาการไอ หายใจลำบาก และน้ำมูกไหล เป็นต้น ขณะที่บางโรคก็ไม่แสดงอาการมากนักแต่สามารถเป็นพาหะได้ อาทิ โรคโจนส์ ซึ่งคุณจะรู้ได้ต้องตรวจอุจจาระเท่านั้น
การป้องกันสามารถทำได้โดยสอบถามผู้ขายแพะก่อนว่าแพะเคยได้รับการตรวจเช็คมาก่อนหรือไม่ และเมื่อคุณได้แพะใหม่มาแล้ว ให้แยกกักกัน ตรวจโรคก่อน กลับกันหากพบแพะในฝูงที่เป็นโรคให้แยกแพะที่ไม่ได้เป็นโรคออก และไม่ผสมพันธุ์แพะที่เป็นโรคกับแพะที่ไม่เป็นโรค ซึ่งหลังจากแยกแพะออกแล้วคุณสามารถรักษาแพะเบื้องต้นได้ด้วยยาให้ถูกกับโรค หรือจะปรึกษาสัตวแพทย์ก็ได้เช่นกันหากมีแพะที่ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก