ปัญหาสุขภาพลูกแพะ โรค อาการ และการรักษา

Written by Baude Christopher การตลาด

Updated: 2024-12-01

ลูกแพะแรกคลอดก็คล้ายกับทารกแรกเกิดทั่วไป ที่ภูมิคุ้มกันในร่างกายยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ ลูกแพะอาจมีปัญหาด้านสุขภาพหรือได้รับเชื้อโรคทันทีหลังคลอด หากมันได้รับการดูแลอย่างไม่เหมาะสม

โรค Floppy kid syndrome หรือโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเฉียบพลันในแพะ สามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แพะมีอายุได้ 3 วัน โรคนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด และหากลูกแพะเป็นโรคนี้แต่ขาดการเอาใจใส่หรือการรักษา อาการจะรุนแรงขึ้นและพัฒนาไปเป็นโรค Enterotoxemia ที่ทำให้แพะปวดท้องอย่างรุนแรง นอกจากนี้ ยังมีโรคกล้ามเนื้อขาวที่ทำให้แพะอ่อนแรง หายใจลำบาก หากแพะไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที มันอาจเสียชีวิตได้ภายในข้ามคืน

มีปัญหาสุขภาพที่มีมากมายในลูกแพะเป็นสิ่งที่คุณควรใส่ใจ ซึ่งแตกต่างจากปัญหาสุขภาพของแพะโตเต็มวัย และให้การรักษาที่เหมาะสม ซึ่งเรามีแนวปฏิบัติที่คุณสามารถปฏิบัติได้ตามด้านล่างนี้

ปัญหาสุขภาพแพะ อาการที่พบบ่อย และการรักษา

ปัญหาที่พบบ่อยในลูกแพะอาจเกิดขึ้นได้ในระยะต่าง ๆ ของการเติบโตของลูกแพะ สิ่งสำคัญคือ ต้องรู้ว่าเมื่อใดควรสังเกตสัญญาณและปัญหาที่รุนแรงที่สุดภายในเดือนแรกของชีวิต หากคุณไม่มั่นใจในสิ่งที่เกิดขึ้น เราขอแนะนำให้พูดคุยกับสัตวแพทย์

ช่วงเวลาที่ลูกแพะอาจป่วยได้

24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด: นี่เป็นช่วงเวลาวิกฤติที่ลูกแพะเสี่ยงต่อภาวะอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติและการติดเชื้อ หากไม่ได้รับน้ำนมเหลือง (Colostrum) อย่างเพียงพอ การบริโภคนมน้ำเหลืองมีความสำคัญ เนื่องจากในนมมีแอนติบอดีที่ป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ ทารกแรกเกิดยังมีความเสี่ยงที่จะเจ็บป่วยจากทางสะดือ หากสายสะดือไม่ได้รับการฆ่าเชื้ออย่างเหมาะสม

สัปดาห์แรกของชีวิต: ความเสี่ยงรวมถึงโรคติดเชื้อ เช่น อีโคไล (E.coli) และการติดเชื้อคลอสตริเดียม (เช่น โรคฟลอปปี้คิด) ซึ่งอาจมีอาการท้องร่วงและเสียชีวิตกะทันหันได้

เดือนแรกของชีวิต: ลูกแพะเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคปอดบวมหรือโรคบิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเลี้ยงในที่ชื้นและมีอากาศถ่ายเทไม่ดี โรคฟลอปปี้คิด (Floppy Kid Syndrome) สามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลานี้

Floppy kid syndrome

โรค Floppy Kid Syndrome (FKS) เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ลูกแพะจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ยืนและกินอาหารได้ยาก แต่อาการนี้สามารถรักษาได้

Floppy Kid Syndrome (FKS) เป็นโรคที่เกิดในลูกแพะ อายุ 3 ถึง 10 วัน ลูกแพะจะมีอาการอ่อนแรงกะทันหันและไม่สามารถขยับขาได้ มีการบันทึกไว้ครั้งแรกในปี 1987 แต่ยังไม่ทราบสาเหตุของมัน

อาการ

ลูกแพะอาจดูเหมือนปกติตั้งแต่แรกเกิด และจู่ ๆ มันจะไม่อยากกินนมและมีกล้ามเนื้ออ่อนแรงมาก พวกเขาเดินสะดุดเหมือนเมาเล็กน้อย และสุดท้ายก็เดินกะโผลกกะเผลกเหมือนเศษผ้าเปียก หากคุณอุ้มลูกแพะตัวหนึ่งขึ้นมาแล้วเขย่าเธอเบา ๆ คุณจะได้ยินเสียงของเหลวไหลในท้องของเธอ นี่คือสาเหตุที่เราเรียกว่า “ภาวะกรดจากเมตาบอลิซึม” ซึ่งของเหลวในร่างกายของลูกแพะมีกรดมากเกินไป อาจเกิดจากการดื่มนมมากเกินไปซึ่งนมจะหมักหมมในลำไส้ ทำให้เกิดกรดมากเกินไปนั่นเอง

การรักษา

ดูแลลูกแพะที่คุณคิดว่าอาจมีปัญหานี้โดยให้เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชาในน้ำ 113 มิลลิลิตร คุณสามารถป้อนมันทางขวดได้ แต่หากเด็ก ๆ ปฏิเสธหรืออ่อนแอมาก ให้ป้อนนมทางสายยาง เบกกิ้งโซดาจะทำให้ความเป็นกรดในกระเพาะอาหารเป็นกลาง

หากลูกแพะมีอาการดีขึ้นภายใน 2 ชั่วโมงก็สรุปได้ว่าลูกแพะเป็น FKS ทั้งนี้ ก็ยังมีลูกแพะบางตัวอาการดีขึ้นแล้วแต่ก็กลับมากำเริบอีก แม้ว่าลูกแพะจะตอบสนองต่อเบกกิ้งโซดา แต่ก็ให้แยกลูกแพะออกจากแม่ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเด็ก ๆ จะอบอุ่น และให้มันไม่ขาดน้ำโดยให้อิเล็กโทรไลต์ในขวดเป็นเวลาหนึ่งหรือสองวันก่อนที่จะให้นมต่อ

โรคเอ็นเทอโรท็อกซีเมีย (Enterotoxemia) ขั้นทุติยภูมิ

ลูกแพะบางคนเกิดภาวะ enterotoxemia ทุติยภูมิ หากไม่ได้รับการรักษาอาการ FKS

Enterotoxemia เกิดจากการเจริญเติบโตของ Clostridium perfringens (แบคทีเรียชนิดหนี่ง) มากเกินไปในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเชื่อมโยงกับการเปลี่ยนแปลงการบริโภคอาหารอย่างกะทันหันหรือการให้อาหารมากเกินไป ซึ่งอาจส่งผลร้ายแรงต่อลูกแพะได้ หากไม่แก้ไขอย่างรวดเร็ว ลูกแพะจะมีอาการต่าง ๆ ได้แก่ ปวดท้องอย่างรุนแรง ท้องอืด และอาการเซื่องซึมอย่างรวดเร็ว เป็นต้น

โรค Enterotoxemia ต้องได้รับการรักษาด้วย CDT antitoxic หรือโรคปอดบวมซึ่งต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หากคุณไม่ทราบว่าสิ่งนี้หมายความว่าอย่างไร เราขอแนะนำให้พูดคุยกับสัตวแพทย์

โรคกล้ามเนื้อขาว (White muscle disease)

โรคกล้ามเนื้อขาวเกิดจากการขาดซีลีเนียมหรือวิตามินอี อาการ ได้แก่ อ่อนแรง หายใจลำบาก และเดินผิดปกติ การฉีด BoSe สามารถป้องกันและรักษาได้

โรคกล้ามเนื้อขาวเกิดจากการขาดซีลีเนียมหรือวิตามินอี และอาจเกิดขึ้นได้ระหว่างสัปดาห์ที่ 1 ถึงประมาณเดือนที่ 4 จัดเป็นโรคภายในระบบกล้ามเนื้อและกระดูกชนิดหนึ่ง

อาการ

วันหนึ่งลูกแพะอาจจะปกติดีและต่อมาอาการก็เริ่มปรากฎขึ้น สัญญาณของโรค ได้แก่ อ่อนแรง คอแข็ง หายใจเร็วแบบลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้สังเกตลูกแพะหากลูกแพะมีการเดินที่เปลี่ยนไป

เนื่องจากโรคนี้อาจทำให้เสียชีวิตเฉียบพลันได้ โรคกล้ามเนื้อขาวจึงอาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโรคอื่นได้ เช่น โรคปรสิตหรือภาวะลำไส้เป็นพิษ

การรักษาและการป้องกัน

คุณสามารถป้องกันโรคกล้ามเนื้อขาวได้โดยการฉีด BoSe (สัตวแพทยศาสตร์ที่มีซีลีเนียมและวิตามินอี) ไปที่แม่แพะก่อนการคลอดลูกแพะ และฉีดให้ลูกแพะภายใน 1 เดือนหลังคลอด

เช่นเดียวกับ FKS คุณอาจรู้เพียงว่าลูกแพะมีโรคกล้ามเนื้อขาว เมื่อเขาตอบสนองต่อการรักษา มิฉะนั้นคุณอาจไม่รู้เลยจนกว่าคุณจะชันสูตรพลิกศพลูกแพะที่เสียชีวิตไปแล้ว

คุณสามารถซื้อ BoSe แบบฉีดได้ที่นี่และที่นี่

พูดคุยกับสัตว์แพทย์ของคุณ เพื่อดูว่าคุณอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ขาดซีลีเนียมหรือไม่ ก่อนที่จะให้ BoSe แพะของคุณเป็นประจำเพราะมันอาจเป็นพิษได้

โรคสะดืออักเสบ (Navel ill)

Navel ill (เรียกอีกอย่างว่าโรคข้อหรือโรคข้ออักเสบ) คือ การติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรียเข้าสู่กระแสเลือดของลูกแพะผ่านทางสะดือ แพะอาจป่วยที่สะดือได้ในช่วงเดือนแรกของชีวิต

อาการ

อาการต่าง ๆ ที่พบได้บ่อย ได้แก่ ขาเจ็บ ข้อต่ออักเสบ สะดือบวม และมีไข้ การติดเชื้อเกิดจากสภาวะที่ไม่สะอาดและจากการไม่รักษาสายสะดือด้วยไอโอดีนทันทีหลังคลอด

การติดเชื้อสามารถแพร่กระจายไปยังข้อต่อจากกระแสเลือด ซึ่งเรียกว่า โรคข้อต่อ ในการรักษาอาการปวดข้อ ให้นำผ้าเปียกที่สะอาดและร้อน ขจัดสะเก็ดหรือหนองออก และทาด้วยไอโอดีนหรือเบตาดีน ติดต่อสัตวแพทย์ของคุณเกี่ยวกับยาปฏิชีวนะที่ควรใช้

โรค Hyperflexed legs

หากคุณไม่สามารถจัดการกับโรคขาหงิกงอ (Hyperflexed legs disease) ได้ภายในวันแรก ๆ หลังคลอด คุณจะต้องเจอกับกระบวนการรักษาที่ยาวนาน แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ โดยใช้เวลาประมาณ 10 เดือนกว่าจะเห็นการเปลี่ยนแปลงจากภาพแรกไปจนถึงภาพสุดท้าย

บ่อยครั้งที่ลูกแพะเกิดมาพร้อมกับขาที่ดูเหมือนเข่าจะงอไปข้างหลังหรือดูเหมือนจะล็อคข้อต่อไม่ได้ ภาวะนี้เรียกว่า ไฮเปอร์เฟล็กชัน (Hyperflexion) โดยปกติจะแก้ไขตัวเองภายใน 1-2 วัน ในกรณีที่ลูกแพะดูไม่ดีขึ้น คุณสามารถดามขาโดยใช้ม้วนกระดาษชำระหรือกระดาษแข็ง เทปพันท่อหรือเทปทางการแพทย์ และใช้ความคิดสร้างสรรค์เล็กน้อย

โรคท้องเสีย (สโคร์)

ลุกแพะมักมีอาการท้องร่วง (เรียกว่า สโคร์ในแพะ) เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันยังไม่พัฒนา

ลูกแพะที่ไม่กินน้ำนมเหลืองทันทีหลังคลอดมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคท้องเสีย เช่นเดียวกับลูกแพะที่อาศัยอยู่ในสภาพที่ไม่ถูกสุขลักษณะหรือทานอาหารไม่เพียงพอ การทานอาหารที่ไม่เพียงพอ ได้แก่ การให้อาหารน้อยไป การให้อาหารมากไป และอาหารมีคุณภาพต่ำ

เมื่อคุณพบลูกแพะที่มีอาการท้องเสีย ให้ประเมินว่ามันอาจกินข้าวมากเกินไปหรือกินอย่างอื่นที่อาจทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ การทานธัญพืชมากเกินไปหรือดื่มนมมากเกินไปอาจทำให้ลูกแพะเป็นโรค enterotoxemia ซึ่งเป็นแบคทีเรียบางชนิดในลำไส้ที่มีการเจริญเติบโตมากเกินไปได้เช่นกัน

การรักษา

เมื่อพบสัญญาณแรกของอาการท้องร่วงKaolin และPectin สามารถช่วยได้ (หาซื้อได้ที่Shopee/Lazada)เก็บอุจจาระเพื่อวิเคราะห์ และเฝ้าดูมันอย่างระมัดระวังในอีก 2-3 ชั่วโมงข้างหน้า การตรวจอุจจาระจะบอกได้ว่ามันเป็นโรคบิดหรือมีปรสิตมากเกินไปหรือไม่ และจำเป็นต้องได้รับการรักษา หากอาการท้องเสียยังคงอยู่หรือแย่ลง โปรดติดต่อสัตวแพทย์ เนื่องจากภาวะพิษจากภาวะลำไส้เป็นพิษสามารถคร่าชีวิตเด็กได้อย่างรวดเร็ว สัตวแพทย์จำนวนมากจึงแนะนำให้ให้ยาต้านพิษจาก CDT แม้ว่าลูกแพะหรือแม่ของมันจะได้รับวัคซีน CDT แล้วก็ตาม

คุณไม่เพียงแต่ต้องการต่อสู้กับสาเหตุของการท้องเสียเท่านั้น แต่ยังต้องแน่ใจว่าลูกแพะจะไม่ขาดน้ำอีกด้วย ลูกแพะสามารถขาดน้ำได้อย่างรวดเร็วและอาจถึงแก่ชีวิตได้ ให้แพะดื่มส่วนผสมของอิเล็กโทรไลต์หรือป้อนโดยใช้สายยางป้อนอาหาร ให้แพะตัวใหญ่ 473 มิลลิลิตร และลูกแพะหรือแพะตัวเล็ก 125 มิลลิลิตร ทุก ๆ 6 ชั่วโมงตามต้องการ 

ที่สำคัญ คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจด้วยว่าลูกแพะสามารถเข้าถึงอาหารหยาบได้ อาทิ ใบตอง ใบมะรุมที่สามารถหาได้ทั่วไปและมีคุณค่าทางโภชนาการที่แพะต้องการ กระถินและซาโนที่เป็นพืชตระกูลถั่วที่มีโปรตีนสูง ใบขนุนที่มีจำหน่ายตลอดทั้งปี อาหารเหล่านี้มีสารอาหารจำเป็นที่ร่างกายแพะต้องการและสามารถหาได้ง่ายในประเทศไทย

โดยส่วนใหญ่ อาการท้องเสียจะเกิดขึ้นชั่วคราวและหายไปภายใน 1 วัน ลูกแพะมีท้องที่บอบบาง และการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้เกิดอาการท้องร่วงได้ เราแนะนำให้คุณอ่านตารางการให้อาหารลูกแพะของเรา

โรคคอพอกจากนม (Milk Goiter)

คอพอกจากนมคือ การบวมเล็กน้อยของต่อมไธมัสซึ่งอยู่ที่คอ มักเข้าใจผิดว่าเป็นต่อมไทรอยด์ขยายใหญ่ซึ่งเกิดจากการขาดสารไอโอดีน

โรคคอพอกจากนมไม่ใช่ปัญหาจากตัวแพะเอง แต่สามารถเตือนเจ้าของแพะและแม้แต่สัตวแพทย์ที่ไม่คุ้นเคยได้ โรคคอพอกจากนมพบได้ในเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี โดยส่วนใหญ่มักเป็นแพะสายพันธุ์นูเบียน แต่ยังไม่ทราบการทำงานของมันอย่างชัดเจน

หากต้องการได้รับไอโอดีน 7% คุณต้องซื้อไอโอดีนเข้มข้นสูงและผสมเอง สำหรับวิธีแก้ปัญหา 100% สามารถทำได้ดังนี้:

1. ใช้ผงไอโอดีน 7 กรัม (ตวงตาชั่ง) หรือสารละลาย 7 มิลลิลิตร (ถ้าคุณมีของเหลวที่มีความเข้มข้นสูง)
2. ผสมกับน้ำ 100 มิลลิลิตร
3. คนช้า ๆ ให้เข้ากัน

การรักษา

หากคุณมีลูกแพะในระยะที่ต้องให้นมซึ่งมีอาการบวมเล็กน้อยที่ด้านหน้าคอโดยไม่มีอาการอื่น ๆ ให้นึกถึงโรคคอพอกจากนม ไม่มีวิธีที่ดีในการแยกแยะคอพอกในนมออกจากต่อมไทรอยด์ขยายใหญ่ แต่ถ้าคุณคิดว่าลูกแพะอาจขาดสารไอโอดีน ให้ทาสีบริเวณที่ไม่มีขนใต้หางแพะหรือที่เรียกว่า ใยหางด้วยไอโอดีน 7% หากไอโอดีนถูกดูดซึมจนหมดภายใน 24 ชั่วโมงและมองไม่เห็นสารตกค้าง แสดงว่าแพะขาดสารไอโอดีน หากยังเห็นรอยดังกล่าวอยู่ แสดงว่าแพะมีระดับไอโอดีนเพียงพอแล้ว

สำหรับแพะที่ขาดสารไอโอดีน แนะนำให้ทาสีใยหางทุกวันจนกว่าการดูดซึมจะช้าลง สิ่งนี้บ่งชี้ว่าความต้องการไอโอดีนในทันทีได้รับการตอบสนองแล้ว

ในระยะยาว คุณสามารถให้แพะของคุณทานสาหร่ายทะเลซึ่งมีไอโอดีนสูงเป็นอาหารเสริมได้ สาหร่ายทะเลสามารถพบได้ทั่วไปหรือถ้าคุณมีเพื่อนชาวประมง

การขาดแร่ธาตุและวิตามิน

การขาดแร่ธาตุและวิตามินสามารถส่งผลกระทบต่อลูกแพะแรกเกิดและลูกแพะได้อย่างมีนัยสำคัญ ต่อไปนี้คือสัญญาณบางส่วนของข้อบกพร่องที่พบบ่อยที่สุด:

ทองแดงมีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกายของแพะ การสูญเสียสีขนเป็นเพียงหนึ่งในตัวบ่งชี้การขาดทองแดง

การขาดวิตามินเออาจทำให้ตาบอดกลางคืน ขนไม่สวย เบื่ออาหาร และอาจเป็นเหตุให้ลูกแพะท้องเสีย เกิดปรสิต และโรคทางเดินหายใจ

วิตามินดีเป็นสิ่งจำเป็นต่อกระบวนการดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสของร่างกาย

การขาดวิตามินอีทำให้เกิดโรคกล้ามเนื้อขาว (การขาดซีลีเนียม) ซึ่งส่งผลต่อความสามารถของลูกแพะในการยืนและมีการทำงานของกล้ามเนื้ออย่างเหมาะสม

วิตามินบีทั้งหมดมีความสำคัญต่อการทำงานของกระเพาะรูเมนอย่างเหมาะสม การขาดวิตามินบี 1 (ไทอามีน) อาจส่งผลให้แพะเป็นโปลิโอและการทำงานของสมองไม่ดี การขาดโคบอลต์ป้องกันการสังเคราะห์วิตามินบี 12

แร่ธาตุบางชนิดทำงานร่วมกันได้ดี และแร่ธาตุบางชนิดก็ป้องกันการดูดซึมแร่ธาตุอื่น ๆ รูปแบบที่ใช้แร่ (ออกไซด์, ซัลไฟด์, ซัลเฟต) สร้างความแตกต่างให้กับร่างกายของแพะที่จะนำไปใช้ประโยชน์ได้ โภชนาการซึ่งรวมถึงวิตามินและแร่ธาตุเป็นส่วนที่ซับซ้อนที่สุดในการเลี้ยงแพะและลูกแพะ เราจึงขอแนะนำให้คุณอ่านบทความของเราเกี่ยวกับวิธีการเลี้ยงลูกแพะและการให้อาหารแพะ

การฉีดวัคซีนให้กับลูกแพะ

สัตวแพทย์ส่วนใหญ่แนะนำให้คุณฉีดวัคซีน CDT ให้ลูกแพะ (clostridium perfringens ประเภท C & D และทอกซอยด์บาดทะยัก) วัคซีนนี้ช่วยให้ลูกแพะสามารถป้องกันภาวะ enterotoxemia และบาดทะยักได้

หากคุณเลือกที่จะฉีดวัคซีน CDT ให้ลูกแพะของคุณและแม่แพะของพวกเขาได้รับการฉีดวัคซีนแล้วในเดือนก่อนที่จะให้กำเนิดลูก คุณไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ลูกแพะอีก จนกว่าพวกเขาจะอายุ 6-8 สัปดาห์ และฉีดให้พวกเขาในอีก 1 เดือนต่อมา หากแม่แพะไม่ได้รับการฉีดวัคซีนและคุณต้องการเริ่มฉีดวัคซีน ให้ฉีดวัคซีนครั้งแรกเมื่อพวกมันอายุได้ 3 สัปดาห์และฉีดวัคซีนกระตุ้นในอีก 1 เดือนต่อมา

บทสรุป

ลูกแพะแรกคลอดยังมีภูมิคุ้มกันที่ยังพัฒนาไม่เต็มที่ ร่างกายก็ยังไม่แข็งแรง หลังคลอดภายใน 24 ชั่วโมง ลูกแพะควรได้รับนมน้ำเหลือง (Colostrum) จากแม่ เพราะในนมน้ำเหลืองมีสารอาหารและแอนติบอดีที่สามารถป้องกันโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี

โรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับลูกแพะ หากคุณพบสัญญาณที่บ่งชี้ว่าลูกแพะของคุณอาจป่วย ให้ดูว่าอาการนั้น ๆ น่าจะเป็นโรคอะไร และให้การรักษาอย่างรวดเร็ว เมื่อเวลาผ่านไป หากลูกแพะมีอาการดีขึ้น แปลว่าคุณรักษาได้อย่างเหมาะสมกับโรค แต่ถ้าหากอาการของลูกแพะยังไม่ดีขึ้น เราแนะนำให้ปรึกษาสัตวแพทย์

เช่นเดียวกันกับมนุษย์ ร่างกายของลูกแพะก็ต้องการสารอาหารที่จำเป็นและวัคซีน เพื่อการป้องกันโรค คุณควรปรึกษาสัตวแพทย์ เพื่อวางแผนในการฉีดวัคซีนตามช่วงอายุที่เหมาะสม

เพื่อการให้การรักษาแก่ลูกแพะได้อย่างทันท่วงที คุณควรสังเกตและใส่ใจแพะให้มาก ๆ ดูว่ามีสิ่งผิดปกติอะไรเกิดขึ้นกับแพะหรือไม่ หากพบว่ามีลูกแพะป่วย และคุณสามารถให้การรักษาได้เบื้องต้น ควรทำทันที หรือหากไม่มั่นใจ ให้พูดคุยกับสัตวแพทย์ เพื่อการรักษาที่เหมาะสมต่อไป